“SMO” ตั้ง “ฟินันเซีย ไซรัส” เป็นลีดอันเดอร์ไรท์เตอร์ เคาะ IPO 5.40 บาท จองซื้อ 31 ต.ค. , 3-4 พ.ย. คาดลงสนามเทรด SET พ.ย. นี้

“กลุ่มสมอทอง” แต่งตั้ง “บล. ฟินันเซีย ไซรัส ” เป็นลีดอันเดอร์ไรท์เตอร์ พร้อมโคอันเดอร์ไรท์เตอร์อีก 11 แห่ง เคาะราคา IPO ที่ 5.40 บาท เสนอขาย 231.60 ล้านหุ้น จองซื้อ 31 ต.ค.และ 3-4 พ.ย. คาดเข้าซื้อขาย SET พ.ย.นี้

ดร.สมภพ ศักดิ์พันธ์พนม ประธานกรรมการ บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ APM ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของ บริษัท กลุ่มสมอทอง จำกัด (มหาชน) หรือ SMO เปิดเผยว่า “การแต่งตั้งผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น IPO ของ SMO เป็นอีกก้าวสำคัญของบริษัทในการขยายศักยภาพทางธุรกิจ SMO ได้ลงนามในสัญญาแต่งตั้งผู้จัดการการจำหน่าย และรับประกันการจำหน่าย เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก หรือ IPO โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจำหน่าย และรับประกันการจำหน่าย และมีบริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ ไอร่า จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส-อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด, บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย เอ็กซ์สปริง จำกัด, บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด, บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ร่วมเป็นผู้จัดจำหน่าย และรับประกันการจำหน่าย
นายสมศักดิ์ ศิริชัยนฤมิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ APM ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน เปิดเผยว่า การเสนอขายหุ้น IPO ของ SMO ครั้งนี้มีจำนวน 231.60 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ หรือพาร์หุ้นละ 1 บาท คิดเป็นร้อยละ 25.17 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ และจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เพื่อใช้ลงทุนเพิ่มในธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบ ลงทุนในโครงการปรับปรุงกระบวนการผลิตเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านการจัดการสิ่งแวดล้อม รวมถึงชำระคืนเงินกู้และเป็นเงินทุนหมุนเวียนในธุรกิจ”
สะท้อนให้เห็นถึงผลประกอบการที่มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงปี 2565 - 2567บริษัทมีรายได้รวม 6,870.42 ล้านบาท 5,894.14 ล้านบาท และ 6,261.09 ล้านบาท ตามลำดับ

ขณะที่กำไรสุทธิปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่น โดยปี 2565 มีกำไรสุทธิเท่ากับ 129.52 ล้านบาท ส่วนปี 2566 มีกำไรสุทธิเท่ากับ 218.78 ล้านบาท และปี 2567 กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 259.62 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิร้อยละ 1.89 ร้อยละ3.71 และร้อยละ 4.14 ตามลำดับ

สำหรับงวด 6 เดือนปี 2568 บริษัทมีรายได้รวม 4,965.90 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 42.58 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิเท่ากับ 518.51 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิร้อยละ 10.55 โดยกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 305 จากช่วงเดียวกันกับปีก่อน สะท้อนประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง

นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่าย และรับประกันการจำหน่ายของบริษัท กลุ่มสมอทอง จำกัด (มหาชน) หรือ SMO เปิดเผยว่า “เรามั่นใจในศักยภาพของ SMO ที่มีพื้นฐานธุรกิจแข็งแกร่ง ทั้งด้านผลประกอบการ การบริหารจัดการ และแผนการลงทุนเพื่อเติบโตอย่างยั่งยืน โดยการเสนอขายหุ้น IPO ครั้งนี้คาดว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน ซึ่งกำหนดราคาเสนอขายไว้ที่ 5.40 บาทต่อหุ้น การกำหนดราคาเสนอขายดังกล่าวคิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรต่อหุ้น (P/E Ratio) ที่ 7.6 เท่า โดยบริษัทมีกำไรต่อหุ้นในรอบ 12 เดือนล่าสุด (ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2567 ถึงมิถุนายน 2568) ซึ่งเท่ากับ 650.32 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดจำนวน 920,000,000 หุ้น จะได้กำไรสุทธิต่อหุ้นอยู่ที่ 0.71 บาทต่อหุ้น (Fully Diluted) ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกัน ที่มีอัตรา P/E Ratio เฉลี่ยอยู่ที่ราว 9.8 เท่า สะท้อนถึงศักยภาพการเติบโตและความน่าสนใจของหุ้น SMO ในเชิงมูลค่า ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่ต่ำกว่าร้อยละ 50 ของกำไรสุทธิ และจะเปิดจองซื้อในวันที่ 31 ต.ค. และ 3-4 พ.ย. คาดว่าจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยภายในเดือนพฤศจิกายนนี้ ภายใต้ชื่อย่อในการซื้อขาย SMO

นายกิตติพงษ์ พวงมาลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กลุ่มสมอทอง จำกัด (มหาชน) หรือ SMO เปิดเผยว่า บริษัทดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบ และผลิตภัณฑ์เกี่ยวเนื่อง รวมถึงธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพที่จำหน่ายให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค โดยมีกำลังการผลิตรวมกว่า 240 ตันผลปาล์มสดต่อชั่วโมง และผลิตไฟฟ้ารวม 14.38 เมกะวัตต์ (PPA) 12.7 เมกะวัตต์ ซึ่งช่วยสร้างความมั่นคงทั้งด้านอาหารและพลังงานให้ประเทศ” จุดแข็งสำคัญของ SMO คือ ประสบการณ์ในการทำธุรกิจอย่างยาวนาน และความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านของผู้บริหารแต่ละท่านที่รวมกันได้อย่างลงตัว มากกว่า 20 ปี เป็นผลให้กลุ่มบริษัทสามารถเติบโตอย่างแข็งแกร่ง สามารถสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นได้ต่อเนื่อง โดยมีช่องทางในการขายสินค้าทั้งในและต่างประเทศช่วยเพิ่มศักยภาพด้านการขาย และลดการพึ่งพิงการบริโภคภายในประเทศ ประกอบกับมีฐานลูกค้าเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ทั้งในประเทศและต่างประเทศ และรวมถึงการเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรเจรจาระหว่างประเทศว่าด้วยน้ำมันปาล์มยั่งยืน (Roundtable Sustainability Palm Oil: RSPO) บริษัทมีกลยุทธ์หลักคือทำเลโรงงานที่ตั้งใกล้แหล่งวัตถุดิบสำคัญ 4 แห่งประกอบด้วย

  1. โรงงาน อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี ที่สามารถรับซื้อผลปาล์มสดจากภาคใต้ฝั่งตะวันออกของประเทศไทย
  2. โรงงาน อ.พนม จ.สุราษฎร์ธานี ฐานในการผลิตเพื่อส่งออกของกลุ่มบริษัทเนื่องจากมีพื้นที่อยู่ใกล้กับท่าเรือน้ำลึกจังหวัดภูเก็ต
  3. โรงงาน จ.สระบุรี สามารถรับซื้อผลปาล์มสดจากภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย
  4. โรงงาน AL จ.ชุมพร สามารถรับซื้อผลปาล์มสดภาคใต้ตอนบนของประเทศไทย

“หลังจากแต่งตั้งอันเดอร์ไรท์เตอร์และกำหนดราคาเรียบร้อยแล้ว SMO พร้อมเดินหน้าเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ฯ อย่างเต็มรูปแบบ เพื่อยกระดับองค์กรสู่ผู้นำอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มของไทย มุ่งเน้นการเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ สร้างผลตอบแทนที่มั่นคงและยั่งยืนให้ผู้ถือหุ้น และเติบโตไปพร้อมกับชุมชนและสิ่งแวดล้อม” นายกิตติพงษ์กล่าว

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *