บมจ. เอ็น.ดี. รับเบอร์ หรือ NDR โชว์ฟอร์มเทิร์นอะราวด์ ผลงานไตรมาส 1/2568 พลิกมีกำไรสุทธิ 4.34 ล้านบาท จากปีก่อนที่ขาดทุนราว 4.71 ล้านบาท หลังบริหารต้นทุนและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ด้านเอ็มดี “ชัยสิทธิ์ สัมฤทธิวณิชชา” ปักธงรุกตลาดยางรถจักรยานยนต์ไปยังอังกฤษ – ญี่ปุ่น พร้อมเดินหน้าธุรกิจผลิตและจำหน่ายเชื้อเพลิงชีวภาพ คาดเดินเครื่องได้ในช่วงครึ่งปีหลังนี้ เสริมฐานการเติบโตระยะยาว
นายชัยสิทธิ์ สัมฤทธิวณิชชา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ดี. รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NDR ผู้ผลิตและจำหน่ายยางนอกและยางในรถจักรยานยนต์ภายใต้แบรนด์ N.D.Rubber เปิดเผยถึงผลประกอบการไตรมาส 1/2568 ว่า บริษัทสามารถพลิกฟื้นผลประกอบการกลับมามีกำไรสุทธิ โดยมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 4.34 ล้านบาท เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งขาดทุนสุทธิ 4.71 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตถึง 192.15%
ขณะที่รายได้รวมอยู่ที่ 231.58 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนที่มีรายได้ 241.35 ล้านบาท โดยมีรายได้จากการขาย 231.24 ล้านบาท แม้ว่าภาวะตลาดที่อุปสงค์ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ แต่รายได้ที่ลดลงไม่ได้กระทบต่อความสามารถในการทำกำไรของบริษัท เนื่องจากสามารถบริหารต้นทุนและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ต้นทุนขายในไตรมาสนี้อยู่ที่ 188.33 ล้านบาท ลดลง 2.42% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง 3.21% จากไตรมาสก่อนหน้า ด้านค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน บริษัทฯ สามารถควบคุมค่าใช้จ่ายในการขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 13.75 ล้านบาท ลดลงทั้งเมื่อเทียบกับปีก่อนและไตรมาสก่อนหน้า
อีกหนึ่งปัจจัยสนับสนุนการพลิกกลับมาทำกำไรคือ การที่บริษัทไม่มีรายการขาดทุนจากการด้อยค่าหรือส่วนแบ่งขาดทุนจากเงินลงทุนในไตรมาสนี้ ต่างจากไตรมาสก่อนที่มีรายการพิเศษดังกล่าวสูงถึง 11.27 ล้านบาท จากการขายเงินลงทุนในบริษัท อีทราน (ไทยแลนด์) จำกัด ออกไปในไตรมาสที่ 4/2567 ซึ่งส่งผลบวกต่อผลกำไรสุทธิอย่างมีนัยสำคัญ
“ภาพรวมของผลประกอบการไตรมาส 1/2568 แสดงให้เห็นถึงสัญญาณการฟื้นตัวของ NDR จากการควบคุมต้นทุน การจัดการภายในอย่างมีประสิทธิภาพ และการไม่มีผลกระทบจากรายการพิเศษ โดยบริษัทเตรียมเดินหน้าแผนพัฒนาเชิงรุกต่อเนื่อง เพื่อรักษาการเติบโตอย่างยั่งยืนในปี 2568” นายชัยสิทธิ์ กล่าว
กรรมการผู้จัดการ NDR กล่าวอีกว่า บริษัทฯ ตั้งเป้าเป้าหมายรายได้รวมในปี 2568 ที่ระดับ 1,000 ล้านบาท โดยยังคงมุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจหลักด้านการผลิตและจำหน่ายยางในและยางนอกรถจักรยานยนต์ ซึ่งคาดว่าจะสร้างรายได้คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 90-95% ของรายได้รวม โดยขยายตลาดในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในประเทศอังกฤษและญี่ปุ่น ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีในปีที่ผ่านมา พร้อมกันนี้ยังอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการรุกตลาดสหรัฐอเมริกา เพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจและขยายฐานลูกค้าในภูมิภาคใหม่ๆ
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเดินหน้าขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืน ด้วยการลงทุนในธุรกิจพลังงานสะอาด ผ่านการผลิตและจำหน่ายเชื้อเพลิงชีวภาพ ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่ได้รับความสนใจและสอดคล้องกับแนวโน้มด้านสิ่งแวดล้อม โดยคาดว่าธุรกิจใหม่นี้จะมีสัดส่วนรายได้ประมาณ 5% ของรายได้รวม และคาดจะติดตั้งเครื่องจักรในไตรมาส 2/2568 นี้ คาดจะสามารถเริ่มเดินสายการผลิตได้ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ บริษัทฯ เชื่อมั่นว่าการเติบโตทั้งในธุรกิจหลักและธุรกิจใหม่ จะช่วยเสริมศักยภาพในการแข่งขัน และสร้างความแข็งแกร่งให้กับองค์กรในระยะยาว